การเกิดมาเป็นทายาทคนดังไม่ว่าในวงการใดก็ตาม ล้วนแล้วแต่สามารถสร้างความกดดันให้มากมายแก่คนเป็นลูกเป็นหลาน สำหรับวงการฟุตบอลเราก็มักจะเห็นอยู่หลายคน ที่คุณพ่อเขามีชื่อเสียงมาก ๆ จนทำให้ลูก ๆ ที่ชอบเล่นฟุตบอล พยายามเดินตามรอยเขาเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นตำนาน แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเงาจากคุณพ่อจะติดตัวเขาไปไกลแสนใจ จนอาจจะทำให้หลายคนท้อจนเลิกเล่นไปเลยก็มี แต่ไม่ใช่สำหรับ จัสติน ไคลเวิร์ต กองหน้าและตัวรุกจากเนเธอร์แลนด์ ทายาทสุดยอดนักเตะ แพทริก ไคลเวิร์ต ซึ่งตลอดชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความกดดันมากมาย
เรื่อวราวของ จัสติน ไคลเวิร์ต เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1999 เกิดที่เมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ เขาถูกฝึกและถูกสนับสนุนให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กอยู่แล้ว ด้วยความเป็นลูกชายของตำนักเตะชาวดัตซ์ ทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ต้องแบกความคาดหวังไว้มากมาย แต่เขาก็เลือกที่จะแรงกดดันนี้ มาเป็นพลังในการพัฒนาตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก จนสามารถเข้าทีมอะคาเดมี่ของสโมสรอาแจ็กซ์ ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ
โดยทีมนี้จะขึ้นชื่อในการปั้นเด็กกันอยู่แล้ว ยิ่ง เป็นลูกชายตำนานนักเตะขนาดนี้มีหรือที่สโมสรจะพลาด หลังจากฝึกฝนตัวเองและเล่นให้กับทีมเยาวชนอยู่นานกว่า 10 ปี ในฤดูกาล 2016 – 17 เขาก็ถูกดันให้ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่อาแจ็กซ์ ในช่วงแรก จัสติน ไม่ได้มีฟอร์มโดดเด่นสักเท่าไหร่ จนเมื่อฤดูกาล 2017 – 18 เขาสามารถยิงประตูได้มากขึ้น แถมยังทำแฮตทริกแรกในรายการเอเรดิวิซี ลงเล่นไปทั้งหมด 44 นัดสามารถยิงไปได้ 12 ประตู ส่งผลให้เขากลายเป็นลูกชายตำนานที่โด่งดังในทันที
จนในฤดูกาล 2018 – 19 Justin Kluivert ก็ได้ถูกโรม่ายืนข้อเสนอมาให้ด้วยค่าตัว 18.5 ล้านยูโร นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาแจ้งเกิดของเขาอย่างเต็มตัว สามารถสร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสร ซึ่งสามารถทำประตูในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้ ทำให้เขาคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม NXGN ในปี 2018 มาครองได้
นั่นยิ่งทำให้ตัวของ จัสติน ถูกเปรียบเทียบกับพ่อมากขึ้น ทั้งผู้จัดการทีม เพื่อนร่วมทีม และแฟนบอล ต่างกดดันเขาว่าจะต้องเก่งจนกลายมาเป็นสตาร์ดัง นั่นเหมือนเป็นมีดที่ทำให้เขาฟอร์มตก เขาลงเล่นกับโรม่าไป 53 นัดสามารถยิงไปได้ 5 ประตู ในระหว่าง 5 ปีนั้นได้ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นกับ ทีมไลป์ซิก, ทีมนีซ และ ทีมบาเลนเซีย แต่ก็เป็นผลงานตามมาตรฐานเท่านั้น ไม่ได้โดดเด่นพอที่จะมาเป็นสตาร์ดังตามความคาดหวังแต่อย่างใด
ในช่วงปี 2021 ได้เกิดปัญหากับการย้ายตัวของ Justin Kluivert ซึ่งในตอนนั้นเขาต้องย้ายมาเล่นให้กับฟูแล่ม ในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ก่อนจะเข้าไปเล่นได้นั้นทาง FA จะทำการตรวจสอบ Governing Body Endorsement (GBE) คะแนนที่จะนำมาตัดสินการให้เวิร์คเพอร์มิตของการเข้ามาค้าแข้งในอังกฤษนั่นเอง ฟังดูแล้วก็ไม่น่าเป็นปัญหาแต่สิ่งนี้กลับสร้างปัญหาให้กับตัวเขา
แม้ว่าตนเองจะทำผลงานได้ดีกับ นีช จากการยืมตัวไปจากทีมโรม่า โดยได้ไปเพียงแค่ 8 คะแนนจาก 15 คะแนนในการผ่านเกณฑ์ การตัดสินคะแนนโดยไม่ใช่ฟอร์มจากฤดูกาลปัจจุบัน ทำให้หลายคนไม่ว่าจะนักฟุตบอลหรือนักวิจารณ์ไม่ชอบใจเอาเสียเลย แต่ถึงอย่างไร Justin ก็เสียโอกาสโชว์ฝีเท้าในพรีเมียร์ไปอย่างน่าเสียดาย
แม้ว่าผลงานในปัจจุบันของ จัสติน จะไม่ได้โดดเด่นขนาดเป็นสตาร์ดัง แต่ช่วงฤดูกาล 2024 ต้องบอกว่าเขามีผลงานที่ดีขึ้น เหมือนกับว่าเขาเริ่มรู้ว่าจะต้องรับมือกับแรงกดดันอย่างไร นำเอาประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการเล่นในหลายทีม มาปรับใช้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
ปัจจุบัน Justin Kluivert ได้กลายมาเป็นนักเตะของบอร์ทมัธเรียบร้อยแล้ว ซื้อตัวมาด้วยราคา 9.6 ล้านปอนด์ เป็นเซ็นสัญญาระยะยาวซึ่งทำให้กองหน้าชาวดัตช์วัย 24 ปี คนนี้รู้สึกกระหายในชัยชนะมากยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า เขารู้สึกยินดีที่ได้มาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกได้สักที โดยในตอนนี้เขาก็สามารถทำประตูให้กับทีมได้อีกด้วย
จนทำให้ชื่อของ Justin กลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการเป็นนักเตะรายที่สองในศตวรรษที่ 21 ที่สามารถลงเล่นและยิงประตูกับทีมฟุตบอลใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปได้ครบทั้งหมด ได้แก่ โรม่า ใน กัลโช เซเรียอา , แอร์เบ ไลป์ซิก ใน บุนเดสลีกา , นีซ ใน ลีกเอิง และ บาเลนเซีย ใน ลา ลีกา สเปน เป็นอีกหนึ่งความสุดยอดที่ไม่ได้หากันย้าย ๆ ในวงการฟุตบอล5
แม้ว่า จัสติน Kluivert จะยังไม่สามารถเทียบกับเก่งกับพ่อของเขาอย่าง แพทริก ไคลเวิร์ต ย่างเต็มภาคภูมิ แต่เขาก็ถือว่าเป็นนักเตะที่ดี มีความมุ่งมั่นอยู่เสมอ มีความสามารถฝีเท้าที่ไม่แพ้คนอื่น และยังมีใจเป็นนักสู้พร้อมลุยแม้ว่าจะเกิดปัญหากับชีวิตมากมายเพียงใด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อนำมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตของทุกท่านได้ดีเลยทีเดียว
