เจมส์ แมดดิสัน คือ มิดฟิลด์ตัวรุก ที่มีสเปคตรงกับความต้องการของทีมชั้นนำใน พรีเมียร์ลีก หลายทีม ด้วยทักษะการเล่นที่ยอดเยี่ยม การครองบอลที่เหนียวแน่น และที่สำคัญก็คือ มีความเฉียบขาดในการทำประตูอีกด้วย
เจมส์ แมดดิสัน เป็นนักเตะตัวหลัก ให้กับ ทีม Leicester City มาอย่างยาวนาน จนกระทั่ง เมื่อ “จิ้งจอกสยาม” ตกชั้น เมื่อฤดูกาล 2022-23 ทำให้เขาตัดสินใจย้ายทีม เพื่ออนาคตของตัวเอง และเลือกย้ายไปร่วมทีมกับ Tottenham Hotspur และดูเหมือนว่า จะเริ่มต้นได้ดีเสียด้วย
James Maddison เกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 1996 ปัจจุบันอายุ 26 ปี เขาเกิดที่เมือง Coventry และเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรในถิ่นเกิด โดยไต่เต้าจากทีม ยู-18 ไปจนก้าวขึ้นสู่ทีมใหญ่ของ Coventry เมื่อกลางปี 2014 และอยูในทีมชุดใหญ่ของ “สกายบลูส์” ในฤดูกาล 2013/14
และมีโอกาสลงเล่นนัดแรก ในเดือน ส.ค. 2014 ในฐานะตัวสำรอง ในเกมที่เอาชนะ Cardiff City 2-1 และมีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งแรก ในเกมที่พ่ายให้กับ Bristol City 1-3 และได้สัญญาเป็นนักเตะอาชีพ เมื่อเดือน พ.ย. ปี 2014
จนถึง 1 ก.พ. 2016 จึงย้ายไปร่วมทีม Norwich City ด้วยการเซ็นสัญญา 3 ปีครึ่ง แต่ก็ปล่อยให้ Coventry ยืมตัว จนสิ้นสุดฤดูกาล 2015-16 โดยมีผลงานในสีเสื้อ “สกายบลูส์” รวม 42 นัด
เจมส์ แมดดิสัน เล่นให้กับทีม “นกขมิ้น” ได้ไม่นานนัก ก็ย้ายไปร่วมทีม Aberdeen ในศึก Scottish Premiership ด้วยสัญญายืมตัว เมื่อปลายเดือน ส.ค. ก่อนจะย้ายกลับมาเล่นให้ Norwich ในเดือน ม.ค. 2017
และเขาได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการเซ็นสัญญา ไปร่วมทีม Leicester เมื่อ ก.ค.2018 โดยเป็นการเซ็นสัญญาร่วมทีม “จิ้งจอกสยาม” เป็นเวลา 5 ปี โดยมีค่าตัวราว 20 ล้านปอนด์
ซึ่งสถิติของ James Maddison กับ Norwich City ด้วยการลงเล่น ให้กับทีม “นกขมิ้น” ไปทั้งสิ้น 53 นัด ทำผลงานได้น่าสนใจไม่น้อยเลย ด้วยการยิงประตูไปได้ 16 ประตู และทำไปอีก 13 แอสซิสต์
ในการย้ายไปเล่นให้กับ “จิ้งจอกสยาม” และ เจมส์ แมดดิสัน ก็สามารถปรับตัวเข้ากับสโมสรใหม่ ได้อย่างรวดเร็ว โดยได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถนัดของเขา และได้ลงประเดิมสนาม ตั้งแต่นัดเปิดฤดูกาล เมื่อ ส.ค. ปี 2018
เกมดังกล่าว เป็นเกมที่พ่ายแพ้ให้กับ Manchester United 1-2 ประตู และในนัดต่อมา เขาก็ทำประตูแรกให้ต้นสังกัดใหม่ได้สำเร็จ ในเกมเอาชนะ Wolverhampton Wanderers 2-0
และตลอดฤดูกาล เขาลงเล่นไปทั้งหมด 38 นัด ยิงได้ 7 ประตูในทุกรายการ ช่วยให้ Leicester จบฤดูกาล ด้วยการได้อันดับ 9 ใน Premier League
ฤดูกาล 2019-20 เป็นช่วงของการระบาดของไวรัส โควิด-19 แต่เขาก็ยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองไว้ได้ โดยได้ลงเล่นในจำนวนเกม เท่ากับฤดูกาลที่ผ่านมา และมีผลงานยิง 9 ประตู 3 แอสซิสต์ และช่วยให้ทีม Leicester City จบอันดับ 5 ในฤดูกาลนั้น
ฤดูกาล 2020-21 เจมส์ แมดดิสัน ลงเล่นไปทั้งหมด 42 นัดในทุกรายการ เขาทำผลงานไปได้ ด้วยการยิงไป 11 ประตู และอีก 10 แอสซิสต์ และทีม Leicester City ก็จบผลงานในฤดูกาลนั้น ด้วยการได้อันดับ 5 ในลีกอีกครั้ง
ในฤดูกาล 2021-22 เขาก็ยังทำผลงานออกมา ได้ยอดเยี่ยมเหมือนเช่นเดิม ทำสถิติลงเล่นไป 53 นัด ในทุกรายการ ยิงประตูไปได้ 18 ประตู และทำอีก 12 แอสซิสต์
ฤดูกาล 2022-23 James Maddison ยิงได้ 10 ประตู 9 แอสซิสต์ แต่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้ ทำให้เขาตัดสินใจครั้งใหญ่ ด้วยการย้ายมาเล่นกับ “ไก่เดือยทอง” ผ่านการลงเล่นไปแล้ว 7 นัดในฤดูกาลนี้ ยิงไป 2 ประตู และทำไปอีก 2 แอสซิสต์ ( 1/10/66 )
เจมส์ แมดดิสัน ถูกเรียกติด ทีมชาติอังกฤษ นัดแรก เมื่อเดือน ต.ค. 2018 ในศึก Nations League แต่ได้ลงเล่นนัดแรก ให้กับ “สิงโตคำราม” ในฐานะตัวสำรอง ในเกมที่ ทีมชาติอังกฤษ เอาชนะ มอนเตเนโกร ไป 7-0 ในศึกรอบคัดเลือก Euro 2020
และได้เป็นตัวจริงครั้งแรกให้กับ ทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ เมื่อเดือน มี.ค. 2023 ซึ่งเป็นนัดที่ ทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ทีมชาติยูเครน ในศึก Euro 2024 รอบคัดเลือก