Pochettino หวนคืนกลับสู่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง จากการที่เขารับงานเป็นกุนซือของ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่จากถิ่นลอนดอน เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2023
มีผู้จัดการทีมฟุตบอลหลายคนที่สามารถทำผลงาน การเป็นเฮดโค้ชได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมคว้าแชมป์มาแล้วหลายรายการ จนพวกเขาได้รับการยกย่องไปทั่วโลก แต่ในสมัยที่พวกเขาเหล่านั้นเป็นนักเตะ ก็ไม่ได้โด่งดังอะไรมากมาย ไม่ได้ติดทีมชาติไปเตะในรายการฟุตบอลโลก
อดีตนักเตะที่กลายมาเป็นยอดผู้จัดการทีมเหล่านี้ ถ้าจะไล่เรียงชื่อกันจริง ๆ ก็ต้องบอกว่ามีหลายคนเช่นกัน ยกตัวอย่าง Jürgen Klopp, Jose Mourinho, รวมไปถึงสุดยอดโค้ชผู้พาทีม ปีศาจแดง ไปอยู่ในจุดที่รุ่งเรืองที่สุดอย่าง Sir Alex Ferguson
และก็มีโค้ชบางคน ในสมัยที่พวกเขาค้าแข้งอยู่ ก็ได้สร้างชื่อเสียงไว้มากมาย ได้ไปเตะฟุตบอลโลก ที่เป็นตัวอย่างคนหนึ่งก็คือ Pep Guardiola และอีกคนที่สมัยเป็นนักฟุตบอล ก็มีฝีเท้าในระดับที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ซึ่งนั่นก็คือ Mauricio Pochettino
กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ผู้นี้ เกิดเมื่อ 2 มี.ค. 1972 ปัจจุบันอายุ 51 ปีแล้ว เขาเกิดที่เมือง Murphy ประเทศอาร์เจติน่า มีความสูง 182 เซนติเมตร ตำแหน่งหลักในสมัยที่เขายังค้าแข้งอยู่คือ ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก แต่ก็สามารถขยับไปเล่นเป็น มิดฟิลด์ตัวรับ ได้อีกด้วย
ย้อนไปเมื่อ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ มีอายุได้ 14 ปี, Jorge Griffa ผู้อำนวยการฟุตบอลของ Newell’s Old Boys พร้อมทั้ง Marcelo Bielsa โค้ชทีมสำรอง (ในขณะนั้น) ได้มาเห็นฟอร์มการเล่นของเขา และชักชวนให้มาร่วมทีม แม้ว่าในขณะนั้น Rosario Central ก็ให้ความสนใจ แต่ในที่สุด Pochettino ก็เลือกที่จะฝากอนาคตไว้กับ Newell’s Old Boys มากกว่า
โปเช็ตติโน่ โชว์ผลงานได้โดดเด่นมาก จนได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ตั้งแต่ที่เขาอายุเพียง 16 ปี เท่านั้น และได้อยู่ร่วมทีมนานกว่า 5 ปี คว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฤดูกาล 1990-91 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 153 นัด ทำไป 8 ประตู โดยในปี 1994 ได้ย้ายไปเล่นในสเปนกับ Espanyol โดยอยู่ร่วมทีมยาวไปจนถึงปี 2001 ได้ลงเล่นถึง 216 นัด
จากนั้น เขาย้ายไปเล่นในลีกเอิงกับ Paris Saint-Germain (70 นัด) และ Bordeaux (11 นัด) ก่อนย้ายกลับไปอยู่ Espanyol และแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 34 ปี
ส่วนผลงานของ Pochettino ในสมัยที่เขายังเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินานั้น เขาติดทีมชาติรวมทั้งหมด 20 นัด และได้ไปโชว์ฝีเท้าในรายการฟุตบอลโลก 2002 ด้วย
หลังจากเลิกเล่น เขาตัดสินใจไปเรียนปริญญาโทด้านการจัดการกีฬา ก่อนจะหันมาเอาดีกับการเป็นโค้ช โดยเริ่มต้นกับสโมสรที่เขาสร้างชื่อเสียงขึ้นมาอย่าง Espanyol โดยเข้ามาคุมทีมในปี 2009 ในขณะที่สถานการณ์ของทีมไม่ค่อยดีนัก
แต่ โปเช็ตติโน่ ใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนทีม บวกกับเติมแท็คติกของตัวเองเข้าไป จนทีมมีผลงานดีขึ้น แต่เมื่อคุมทีมไปได้จนถึงปลายปี 2012 ผลงานของทีมเกิดตกต่ำอีกครั้ง และหลังจากทีมพ่ายให้ Getafe 0-2 คาบ้านตัวเองอย่างหมดท่า จนทีม Espanyol หล่นไปจมบ๊วยและเขาก็ถูกยกเลิกสัญญา
กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ก็ยังคงเดินหาเส้นทางสายใหม่ และตัดสินใจเลือกรับงานคุมทีมให้กับ Southampton เมื่อต้นปี 2013 โดยเข้าไปแทนที่ Nigel Adkins และสามารถกอบกู้สถานการณ์ทีมไว้ได้
ช่วยให้ “นักบุญ” จบฤดูกาลด้วยการได้อันดับ 14 มี 5 คะแนนเหนือโซนตกชั้น และสามารถปลุกปั้นทีมจนแข็งแกร่ง มีนักเตะฝีเท้าดีร่วมทีมมากมายรวมถึง Sadio Mane ซึ่งตอนหลังย้ายไป Liverpool
Pochettino อำลา Southampton ไปเป็นผู้จัดการทีมให้กับ Tottenham Hotspur เมื่อกลางปี 2014 แม้ว่าเขาจะช่วยยกระดับทีม “ไก่เดือยทอง” ขึ้นมาอย่างมาก แต่ก็ไม่มีโอกาสได้แชมป์รายการใหญ่ติดมือ ทำได้ดีที่สุดคือ การเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ Champions League ฤดูกาลที่ 2019 โดยเป็นเกมชิงแชมป์ถ้วยหูใหญ่กับ Liverpool
จากนั้น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ได้ย้ายไปคุม Paris Saint-Germain เมื่อต้นปี 2021 แต่เมื่อไม่สามารถพาทีมไปเป็นแชมป์ Uefa Champions League ได้อย่างที่หวัง จึงจำเป็นต้องไขก๊อกลา ก่อนจะมารับหน้าที่คุม Chelsea ในต้นฤดูกาลนี้ โดยเซ็นสัญญาคุมทีม “สิงห์บลู” เป็นเวลา 2 ปี