You are currently viewing วรวุธ ศรีมะฆะ กองหน้าร่างโย่ง สู่กุนซือช้างศึก ยู-23

วรวุธ ศรีมะฆะ กองหน้าร่างโย่ง สู่กุนซือช้างศึก ยู-23

วรวุธ ศรีมะฆะ หรือที่แฟนบอลชาวไทย รู้จักกันในชื่อ ‘โค้ชโย่ง’ ที่เคยเป็นทั้งยอดกองหน้าทีมชาติไทย รวมถึงบทบาทการเป็นกุนซือ ให้กับทีมชาติไทยชุด U-23

สำหรับนักเตะทีมชาติไทยในอดีต มีนักเตะตำแหน่งกองหน้าชั้นดีเกิดขึ้นมากมาย มีทั้งเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า กองหน้าตัวริมเส้น หรือเป็นหน้าต่ำ ที่เด่นทั้งการทำเกม การทำแอสซิสต์ และการสอดขึ้นไปทำประตูเอง

และอีกลักษณะหนึ่ง ก็คือกองหน้าร่างสูงใหญ่ แรงปะทะดี เก็บบอลเหนียวแน่น และถนัดเล่นลูกกลางอากาศ ซึ่งกองหน้าในลักษณะนี้ ต้องรวมเอาชื่อของ “โย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ เอาไว้ด้วยคนหนึ่ง

วรวุธ เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2514 ที่จังหวัดสงขลา โดยเจ้าตัวมีความสูงถึง 191 เซนติเมตร และนี่คือคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุด กับการยืนค้ำ ในตำแหน่งการเป็นกองหน้าตัวเป้า

“โย่ง” สนใจกีฬาฟุตบอล มาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็ก และเข้ามาเรียนต่อชั้นมัธยมปลาย ที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ขึ้นชื่อเรื่องกีฬาฟุตบอลอยู่แล้ว นั่นจึงทำให้เขา ได้มีโอกาสลงเล่นฟุตบอลอย่างจริงจัง

โค้ชโย่ง

เมื่อเรียนจบ ก็ได้เข้าสังกัดสโมสรกับ “ตรารวงข้าว” ของธนาคารกสิกรไทย เมื่อ พ.ศ. 2532, โดยตอนที่เขาเข้ามาอยู่กับสโมสร เจ้าตัวเพิ่งมีอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น โดยโค้ชของ ธ.กสิกรไทย ในขณะนั้นก็คือ “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน

แนวทางการเล่นของสโมสร “ตรารวงข้าว” ทำให้ฟอร์มการเล่น ของดาวยิงจากจังหวัดสงขลา มีผลงานโดดเด่นมาก ๆ ทั้งการยิงประตู เก็บบอล และทำให้ทีมประสบความสำเร็จมามากมาย

ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย, เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย , ควีนส์ คัพ 2 สมัย และ อัฟโร เอเชียนคัพ แชมเปี้ยนส์ชิพ อีก 1 สมัย

ผลงานที่กองหน้าร่างโย่งรายนี้ ทำไว้กับ ธ.กสิกรไทย วัดเป็นสถิติเอาไว้ ด้วยการลงเล่นทั้งหมด 71 นัด ทำประตูไปได้ทั้งหมด 24 ประตู

จากนั้น “โย่ง” ได้ย้ายไปร่วมงานกับ บีอีซี เทโรศาสน เมื่อปี พ.ศ. 2539 และยังสามารถทำผลงานได้ โดดเด่นอยู่เหมือนเดิม ด้วยการช่วยพาทีมคว้ารองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์ไทยลีก 2 สมัย

worawut_srimaka

วรวุธ ศรีมะฆะ อยู่กับทีม บีอีซี เทโรศาสน ยาวนานถึง 8 ปี แถมยังเป็นดาวซัลโวในปี 2540 และในฤดูกาล 2544-2545 ทำสถิติลงเล่นไปทั้งหมด 119 นัด ทำประตูไปได้ทั้งหมด 55 ประตู

หลังจากนั้น วรวุธ ก็ไปแสวงหาความท้าทายใหม่ ๆ ด้วยการย้ายไปเล่นให้กับสโมสร กลันตัน ของมาเลเซีย เป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล และย้ายกลับมาเล่นในประเทศไทยกับ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ลงเล่น 14 นัด ทำไป 1 ประตู แต่ก็ยังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ไทย พรีเมียร์ลีก ปี 2550

หลังจากเล่นให้ “ฉลามชล” เพียงหนึ่งฤดูกาล เขาก็ย้ายทีมอีกครั้ง ด้วยการย้ายไปอยู่กับ ศุลกากร ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดกับ จุฬา ยูไนเต็ด ในปี 2552

ในส่วนผลงานของการเล่นให้กับทีมชาติไทย, วรวุธ ศรีมะฆะ ในสมัยที่ยังค้าแข้งกับทีม “ช้างศึก” เขาได้ลงสนามไปทั้งหมด 63 นัด ทำสถิติยิงประตู ไปได้ทั้งหมด 29 ประตู

หลังจากแขวนสตั๊ดแล้ว “เจ้าโย่ง” ก็ไม่ได้ผันตัวเองไปในเส้นทางอื่น เขายังคงคลุกคลีอยู่ในวงการลูกหนัง โดยเริ่มต้นทำหน้าที่โค้ช คุมทีมให้กับปทุมธานี เมื่อปี 2553

วรวุธ ศรีมะฆะ

จากนั้น “โค้ชโย่ง” ก็ผ่านการคุมทีมอีกหลายสโมสร ไม่ว่าจะเป็น สุพรรณบุรี เอฟซี,ชลบุรี เอฟซี ก่อนที่จะได้โอกาสในการคุมทีมชาติไทย ในชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ระหว่างปี 2559-2561

“โค้ชโย่ง” พาทีมชาติไทยชุด U-23 คว้าเหรียญทองในซีเกมส์ที่มาเลเซีย เมื่อปี 2560 แต่ก็ต้องไขก๊อกลาออก เมื่อ “ช้างศึก” มีอันต้องร่วงตกรอบแรก ในศึกเอเชียนเกมส์ ที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี 2561